ค่าใช้จ่ายการรักษาภาวะมีบุตรยากในประเทศไทย พ.ศ. 2568 – ราคา, สวัสดิการ และเคล็ดลับประหยัด

Profilbild des Autors
เขียนโดย ฟิโลมีนา มาร์กซ์3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
คู่รักกำลังตรวจสอบค่าใช้จ่ายการรักษาภาวะมีบุตรยาก

ตาม แผ่นข้อมูล WHO เรื่อง “Infertility” พบว่าประมาณหนึ่งในหกคนทั่วโลกประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก ในประเทศไทยประมาณร้อยละ 10–14 ของคู่สมรสมีปัญหาเช่นกัน การรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์สามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้มาก แต่มีค่าใช้จ่ายสูง บทความนี้สรุปค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2568, สวัสดิการที่อาจได้รับ และวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายให้คุณ

ค่าใช้จ่ายฉีดเชื้อในบ้าน, IUI, IVF & ICSI – ภาพรวมปี พ.ศ. 2568

วิธีอื่นๆ & ค่าบริการเสริม

GIFT: ฿200,000–฿280,000 · IVM: ฿80,000–฿160,000 · การตรวจติดตามแบบ Time-Lapse: +฿16,000–฿24,000

สวัสดิการด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากในประเทศไทย

โดยทั่วไป โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และประกันสังคมไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ทางเลือกคือประกันสุขภาพเอกชน ซึ่งบางแผนอาจให้ความคุ้มครองบางส่วน ตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการรักษา

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั่วไป

  • การปรึกษาครั้งแรกและตรวจวินิจฉัย: ฿4,800–฿10,000
  • ตรวจฮอร์โมนและอัลตราซาวด์: ฿12,000–฿24,000
  • เก็บรักษาแช่แข็งตัวอ่อน (ปีแรก): ประมาณ ฿30,000; ปีถัดไป ฿12,000–฿20,000
  • สเปิร์มผู้บริจาค (เอกชน): ฿22,000–฿40,000 ต่อขวด

เทคโนโลยีใหม่ & ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม – คุ้มค่าหรือไม่?

ตาม แนวทาง WHO เรื่องเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ แนะนำให้พิจารณาต้นทุนและประโยชน์อย่างรอบคอบสำหรับบริการเสริมต่อไปนี้:

  • AI เลือกตัวอ่อน (+฿12,000–฿20,000): ซอฟต์แวร์ช่วยคัดเลือกตัวอ่อนที่มีโอกาสฝังตัวสูง
  • ตู้อบตัวอ่อนแบบ Time-Lapse (+฿16,000–฿24,000): ตรวจติดตามวิดีโอตัวอ่อนตลอดเวลา เพิ่มอัตราความสำเร็จเล็กน้อย
  • PGT-A (คัดกรองโครโมโซม) (฿60,000–฿100,000): ลดความเสี่ยงแท้ง แนะนำสำหรับอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • แยกสเปิร์มด้วยไมโครชิพ (+฿10,000): คัดสเปิร์มที่เคลื่อนไหวได้ดีที่สุด

ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการบริจาคสเปิร์มส่วนบุคคล

การบริจาคสเปิร์มแบบส่วนบุคคลช่วยลดค่าธรรมเนียมธนาคารและค่าแยกโรค (quarantine) ใช้แอป RattleStork เพื่อค้นหาผู้บริจาคที่ผ่านการตรวจสอบในราคาเริ่มต้น ฿12,000 ต่อขวด — ถูกกว่าธนาคารสเปิร์มทั่วไปประมาณ 50%

RattleStork – แอปบริจาคสเปิร์ม
รูปภาพ: RattleStork – แอปบริจาคสเปิร์มs

ห้าข้อแนะนำประหยัดค่าใช้จ่าย

  • ใช้ประโยชน์จากการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์
  • เปรียบเทียบแพ็กเกจหลายรอบ IVF จากคลินิกหลายแห่งเพื่อรับส่วนลด
  • สอบถามทุนช่วยเหลือจากองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น RESOLVE grants
  • เลือกใช้ยาย่อมจ่าย (generic) เมื่อเหมาะสม
  • เก็บใบเสร็จทุกใบเพื่อใช้ขอคืนภาษีหรือเบิกค่ารักษาพยาบาล

บทสรุป – จัดการงบประมาณควบคู่กับความหวัง

การรักษาภาวะมีบุตรยากต้องใช้งบประมาณมาก แต่หากคุณเข้าใจค่าใช้จ่ายต่างๆ สวัสดิการ และใช้กลยุทธ์ประหยัด คุณจะสามารถเดินหน้าสู่ฝันการเป็นพ่อแม่ในปี พ.ศ. 2568 ได้โดยไม่ทิ้งงบประมาณไว้ข้างหลัง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ฉีดเชื้อในบ้าน (ICI/IVI) ประมาณ ฿10,000–฿20,000 ต่อครั้ง; IUI ฿14,000–฿44,000 ต่อรอบ; IVF ฿128,000–฿180,000 ต่อรอบ; และ ICSI เพิ่มอีก ฿180,000–฿232,000 จากค่า IVF

บัตรทองและประกันสังคมส่วนใหญ่ไม่ครอบคลุม ART แต่ประกันสุขภาพเอกชนบางแผนอาจช่วยสนับสนุน ตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ของคุณหรือสอบถามที่สำนักงานประกันสังคมและกระทรวงสาธารณสุข

ควรเผื่อค่าปรึกษาครั้งแรกและตรวจวินิจฉัย (฿4,800–฿10,000), ค่าตรวจฮอร์โมนและอัลตราซาวด์ (฿12,000–฿24,000), ค่าคอนเซิร์ฟ (฿30,000 ปีแรก; ฿12,000–฿20,000 ต่อปี), และค่าฉีดยาชา (฿10,000–฿15,000)

มี: AI เลือกตัวอ่อน +฿12,000–฿20,000; ตู้อบ Time-Lapse +฿16,000–฿24,000; PGT-A +฿60,000–฿100,000; และ Microfluidic sperm sorting +฿10,000

เริ่มต้นที่ประมาณ ฿12,000 ต่อขวด ช่วยลดค่าธรรมเนียมธนาคารและการกักกัน ประหยัดกว่าธนาคารสเปิร์มทั่วไปถึง 50%

ใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีทางการแพทย์, เปรียบเทียบแพ็กเกจหลายรอบ, ขอรับทุนช่วยเหลือ, เลือกยาทั่วไปเมื่อเหมาะสม และเก็บใบเสร็จทุกใบ

ประมาณ ฿20,000–฿60,000 ต่อรอบ ขึ้นกับขนาดยาและชนิดยา (แบรนด์ vs เจเนอริค)

ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการลดหย่อนภาษีเฉพาะสำหรับ ART แต่ควรเก็บใบเสร็จเพื่อใช้ประกอบการขอคืนภาษีหรือเบิกตรงจากกองทุนประกันสุขภาพ

ใช่ ค่าบริการและสวัสดิการจากจังหวัดต่าง ๆ อาจแตกต่างกัน ควรตรวจสอบข้อมูลที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

ขอประมาณค่าใช้จ่ายเป็นลายลักษณ์อักษร (“treatment plan estimate”) จากคลินิก และยืนยันเงื่อนไขประกันหรือสวัสดิการก่อนเริ่มการรักษา