การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) – คู่มือ ค่าบริการ และอัตราความสำเร็จ

Profilbild des Autors
เขียนโดย ฟิโลมีนา มาร์กซ์27 พฤษภาคม 2568
นักวิทย์เอ็มบริโอโลยีตรวจเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการ IVF ใต้กล้องจุลทรรศน์

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นขั้นตอนมาตรฐานระดับสูงในเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เมื่อวิธีการที่ง่ายกว่านั้นไม่เพียงพอ คู่มือนี้จะอธิบายทุกขั้นตอน ค่าใช้จ่าย อัตราความสำเร็จ ความเสี่ยง และแนวโน้มใหม่ ๆ ในประเทศไทยอย่างครบถ้วนและเข้าใจง่าย

ค่าใช้จ่าย & การจัดการ IVF ในประเทศไทย

ค่าใช้จ่ายสำหรับการทำ IVF 1 รอบในไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 250,000 บาท แยกรายการประมาณ:

  • กระตุ้นรังไข่ & ตรวจติดตาม (Stimulation & Monitoring): 30,000 – 60,000 บาท
  • เจาะเก็บไข่ & ห้องปฏิบัติการ (Egg retrieval & Lab): 70,000 – 120,000 บาท
  • ย้ายตัวอ่อน & ติดตามหลังการย้าย (Transfer & Aftercare): 20,000 – 30,000 บาท
  • แช่แข็งตัวอ่อนสำรอง: ประมาณ 20,000 บาท + ค่าเก็บรักษา 5,000 บาท/ปี

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: ผู้ป่วยในไทยส่วนใหญ่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ประกันสุขภาพกลุ่มอาจครอบคลุมเพียงบางส่วน ส่วนประกันสังคม (SSO) และ NHSO ยังไม่ครอบคลุมการทำ IVF

ขั้นตอนแบบทีละขั้นของการทำ IVF

  1. การกระตุ้นรังไข่: ฉีดยากระตุ้น 8–12 วัน พร้อมอัลตราซาวนด์และตรวจเลือดเป็นระยะ
  2. ยากระตุ้นให้ตกไข่: ใช้ hCG หรือ GnRH ประมาณ 34–36 ชั่วโมงก่อนเจาะไข่
  3. การเจาะเก็บไข่ (Oocyte retrieval): ทำเป็นผู้ป่วยนอกภายใต้การวางยานอนหลับระดับเบา
  4. เตรียมอสุจิ: คัดกรองและเข้มข้นตัวอสุจิให้พร้อมใช้งาน
  5. การปฏิสนธิในห้องแล็บ: ทำ IVF แบบมาตรฐาน หรือใช้ ICSI เมื่อคุณภาพอสุจิจำกัด
  6. การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน: เพาะในอินคิวบเตอร์ควบคุมอุณหภูมิจนถึงวัน 3 (8 เซลล์) หรือวัน 5 (บลาสโตซิสต์)
  7. ย้ายตัวอ่อน: ส่วนใหญ่ใช้ Single-Embryo Transfer (SET) เพื่อลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์แฝด
  8. การสนับสนุนด้วยฮอร์โมน: ให้ Progesterone ทางช่องคลอดจนถึงประมาณสัปดาห์ที่ 10 ของการตั้งครรภ์
  9. ตรวจตั้งครรภ์: เจาะเลือดตรวจ β-hCG 12–14 วันหลังย้ายตัวอ่อน และอัลตราซาวนด์ครั้งแรกอีก 10 วันถัดมา
  10. Freeze-all & Kryo-Transfer (ทางเลือก): หากเสี่ยง OHSS หรือเยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อม แช่แข็งตัวอ่อนทั้งหมด แล้วย้ายในรอบ HRT ถัดไป

อัตราความสำเร็จของ IVF

ข้อมูลอัตราความสำเร็จในไทย (รวม PGT) แบ่งตามช่วงอายุผู้หญิงดังนี้:

  • < 29 ปี – ประมาณ 72.5%
  • 30–34 ปี – ประมาณ 69.4%
  • 35–39 ปี – ประมาณ 65.6%
  • ≥ 40 ปี – ประมาณ 63%

สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี อัตราความสำเร็จต่อรอบอาจสูงถึง 60–70% และอัตราการตั้งครรภ์สะสม (รวมรอบ Cryo) มักเกิน 70%

ใครบ้างที่อาจไม่เหมาะกับ IVF?

  • ปริมาณไข่สำรองต่ำมาก (AMH < 0.5 ng/ml) และอายุมากกว่า 45 ปี
  • มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ดี เช่น เบาหวานหรือปัญหาต่อมไทรอยด์
  • โรคเลือดบางชนิดที่ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน

ในกรณีเหล่านี้มักแนะนำให้ปรับปรุงสุขภาพพื้นฐานก่อนเข้าสู่กระบวนการ IVF

เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสำเร็จ

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เลิกสูบบุหรี่ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสริมโฟลิคและวิตามินดีทุกวัน
  • ออกกำลังกายแบบแอโรบิคปานกลาง ลดความเครียดด้วยโยคะหรือการบำบัดจิตใจ (CBT)
  • ปรับปรุงคุณภาพอสุจิด้วยการปรับวิถีชีวิต 90 วันก่อน เช่น โภชนาการที่เหมาะสมและอาหารเสริม
  • พิจารณาใช้ CoQ10 หรือ DHEA สำหรับผู้ที่เป็น Low-Responder แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

แนวโน้ม & นวัตกรรมใหม่ล่าสุด

  • การคัดเลือกตัวอ่อนด้วย AI วิเคราะห์ข้อมูล morphokinetic เพื่อเพิ่มโอกาสฝังตัว
  • Time-Lapse Incubator ติดตามการแบ่งเซลล์ตัวอ่อนไม่ขาดตอน
  • PGT-A / PGT-M ตรวจคัดกรองโครโมโซมเพื่อลดอัตราการแท้ง
  • Natural-Cycle & Mild IVF ใช้ฮอร์โมนในปริมาณต่ำเพื่อลดผลข้างเคียง
  • Social Freezing แช่แข็งไข่ล่วงหน้าก่อนอายุ 35 ปี เพื่อรักษาคุณภาพไข่

ความเสี่ยง & ผลข้างเคียง

  • OHSS: ผู้ที่ตอบสนองสูงมีความเสี่ยง แนะนำให้ใช้ Freeze-all เพื่อลดโอกาสเกิด
  • ฝาแฝด: การทำ SET ช่วยลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์แฝด
  • ผลระยะยาว: มีรายงานเล็กน้อยเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์จากการ IVF
  • ผลกระทบทางจิตใจ: อาจเกิดความเครียดสูง ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตแพทย์หรือกลุ่มสนับสนุน
  • ภาระทางการเงิน: ค่าใช้จ่ายสูง ต้องเตรียมงบสำหรับยา PGT และรอบ Cryo เพิ่มเติม

ด้านกฎหมายในประเทศไทย

  • ให้บริการเฉพาะคู่สมรส ต้องแสดงสำเนาทะเบียนสมรสก่อนเริ่มรักษา
  • อนุญาตให้บริจาคไข่และอสุจิแบบไม่แสวงหากำไร ห้ามบริจาคเพื่อการค้า
  • บริการซูเปอร์โกตัวอ่อนไม่เปิดให้บริการแก่ชาวต่างชาติ ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมาย
  • คลินิกและแพทย์ต้องได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 29 ปี อัตราความสำเร็จ 72.5% อายุ 30–34 ปี 69.4% อายุ 35–39 ปี 65.6% อายุ 40 ปีขึ้นไป 63% และอัตราการตั้งครรภ์สะสม (รวมรอบ Cryo) มักเกิน 70%

มากกว่า 60% ของคู่รักตั้งครรภ์ภายใน 2–3 รอบ (รวมรอบ Cryo) และอัตราการคลอดมีชีวิตสะสมเกิน 80% ในรายที่ทำครบ 6 รอบ

ค่าเฉลี่ยรอบละ 100,000–250,000 บาท ประกันสุขภาพกลุ่มอาจช่วยค่าแพทย์บางส่วน แต่ NHSO/ประกันสังคมไม่ครอบคลุม IVF

ทำภายใต้ยาสลบเบาและยาชาเฉพาะที่ จึงไม่รู้สึกเจ็บขณะเจาะ แต่อาจมีอาการปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือนเล็กน้อยหลังทำ

ใช้โปรโตคอลแบบ Antagonist, เริ่มด้วยฮอร์โมนขนาดต่ำ, เลือกใช้ GnRH Trigger แทน hCG และใช้วิธี Freeze-all เพื่อลดความเสี่ยง

ลดโอกาสตั้งครรภ์แฝด ลดภาวะแทรกซ้อน ในขณะที่อัตราคลอดมีชีวิตสะสมยังสูงด้วยรอบ Cryo ภายหลัง

ช่วยลดอัตราแท้งในผู้หญิงอายุ ≥ 35 ปี หรือในรายที่เคยแท้งซ้ำ เหมาะกับคนที่มีประวัติครอบครัวหรือภาวะซับซ้อนทางพันธุกรรม

ใช้ฮอร์โมนในปริมาณน้อยหรือไม่ใช้เลย เพื่อลดผลข้างเคียง เช่น OHSS แต่ต้องทำหลายรอบกว่าจะได้ตัวอ่อนเพียงพอ

เมื่อระดับ Estradiol สูงเกิน, เสี่ยง OHSS, ผนังมดลูกไม่พร้อม หรือมีเหตุผลทางการแพทย์อื่น ๆ

งานวิจัยเบื้องต้นพบการฝังตัวเพิ่มขึ้น 5–10% แต่ยังไม่เป็นมาตรฐานทองคำ ต้องรอข้อมูลยืนยันเพิ่มเติม

ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI 20–30), เลิกสูบบุหรี่ล่วงหน้า 3 เดือน, ดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 5 หน่วย/สัปดาห์, รับประทานวิตามิน D และโฟลิคให้เพียงพอ, ออกกำลังกายปานกลาง และบริหารจัดการความเครียด

ในกลุ่ม Low-Responder CoQ10 (300 mg/วัน) หรือ DHEA (75 mg/วัน) อาจช่วยปรับปรุงสภาพไข่เล็กน้อย แต่หลักฐานยังปานกลาง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ในระยะเบาจนถึงปานกลาง แทบไม่ลดอัตราการฝังตัว แต่ในระยะรุนแรงอาจพิจารณาผ่าตัดหรือใช้ GnRH Down-Regulation ก่อนเริ่ม IVF

ส่วนใหญ่รับจนถึง BMI 35 kg/m² แต่หาก BMI > 30 อัตราคลอดมีชีวิตลดลงและภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น การลดน้ำหนัก 5–10% ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์

กระตุ้นรังไข่ 8–12 วัน → เจาะไข่ (Day 0) → ย้ายตัวอ่อน Day 3–5 รวมระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์จนถึงวันตรวจตั้งครรภ์

ให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์, เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้มีบุตรยากในไทย หรือชุมชนออนไลน์อย่าง RattleStork Community

แนะนำสำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวของโรคทางพันธุกรรม, เคยแท้งซ้ำ, ภาวะ OAT รุนแรง หรือความเข้ากันไม่ได้ของหมู่เลือด

ประเทศไทยอนุญาตการบริจาคไข่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับของสภาการแพทย์ ต้องเป็นการบริจาคแบบไม่แสวงหากำไร และได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้บริจาค

ควรทำก่อนอายุ 35 ปี และไม่ควรล่าช้าเกิน 38 ปี เพื่อรักษาคุณภาพไข่และเพิ่มโอกาสสำเร็จ

เมื่ออสุจิมีจำนวนเคลื่อนที่น้อยกว่า 1 ล้านตัวต่อมิลลิลิตร, มีภาวะ teratozoospermia รุนแรง, เคยเกิดภาวะปฏิสนธิไม่สำเร็จ หรือใช้ตัวอย่าง TESE