อัณฑะคั่งเลือด หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “บลูบอลส์” คืออาการแน่นตึงหรือปวดหน่วงที่ถุงอัณฑะหลังจากมีการกระตุ้นทางเพศอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้หลั่ง หลายคนกังวลว่าอันตรายไหม แก้อย่างไรให้หายเร็ว และเมื่อใดจึงควรไปพบแพทย์ บทความนี้อธิบายอย่างตรงไปตรงมา พร้อมคำแนะนำปฏิบัติได้จริง
อัณฑะคั่งเลือดคืออะไร
ไม่ใช่ “น้ำเชื้อค้าง” ตามความเชื่อผิดๆ แต่เป็นการคั่งของเลือดหลอดดำชั่วคราวในเนื้ออัณฑะและหลอดเชือกอัณฑะขณะตื่นตัวทางเพศ จึงรู้สึกแน่นหรือปวด เมื่อความตื่นตัวลดลงตามธรรมชาติหรือมีการหลั่ง อาการโดยมากจะทุเลาเอง หากมีอาการปวดมาก ปวดข้างเดียว หรือผิดปกติไปจากเดิม ควรให้แพทย์ประเมิน
แนวทางอ้างอิงเรื่องอาการปวดอัณฑะ: NHS และ MSD Manual บทความอธิบาย “blue balls” แบบเข้าใจง่ายมีที่ Cleveland Clinic
กลไกการเกิดอาการ
ระหว่างการกระตุ้นทางเพศ หลอดเลือดจะขยายและมีเลือดไหลเวียนสู่องคชาตและถุงอัณฑะมากขึ้น หากหยุดลงกะทันหันหรือไม่ได้หลั่ง การไหลเวียนกลับสู่ภาวะปกติอาจล่าช้า เกิดการคั่งของเลือดชั่วคราวซึ่งทำให้รู้สึกตึงและปวด น้ำเชื้อที่ไม่ได้หลั่งจะถูกสลายและดูดกลับโดยร่างกาย ไม่มีการ “อุดตัน” จริง
อาการที่พบบ่อย
- ปวดหน่วงหรือแน่นถ่วงที่อัณฑะหรือท้องน้อย
- บางรายมีอาการร้าวไปบริเวณขาหนีบ
- พบการเปลี่ยนสีคล้ำเล็กน้อยจากเลือดคั่งได้บ้าง แต่ไม่ชัด
ส่วนใหญ่จะทุเลาเองภายในไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง เร็วขึ้นเมื่อความตื่นตัวลดลงหรือหลังการหลั่ง หากปวดรุนแรง ผิดปกติ หรือปวดข้างเดียวต่อเนื่อง ควรพบแพทย์
ภาวะสำคัญที่ต้องแยกให้ได้
- อัณฑะบิดตัว (testicular torsion): ปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว อาจคลื่นไส้หรืออาเจียน ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องไปโรงพยาบาล ดูเพิ่มที่ NHS
- หลอดเก็บเชื้ออสุจิอักเสบ (epididymitis): ปวด บวม แดง กดเจ็บ อาจมีไข้ อ่านเพิ่มที่ NHS
- ไส้เลื่อนขาหนีบ: มีก้อนนูน กดเจ็บหรือเจ็บเวลาไอ/ยกของ อ้างอิงใน NHS
- อุบัติเหตุ/ฟกช้ำ: บวม ช้ำหลังการกระแทก แนวทางดูแลใน MSD Manual
วิธีบรรเทาอย่างรวดเร็ว
- การหลั่ง: ความตื่นตัวลดลง อาการโดยมากจะดีขึ้น
- ประคบเย็นช่วงสั้น: ใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นห่อด้วยผ้าบาง ไม่วางสัมผัสผิวโดยตรง และทำเพียงไม่กี่นาที
- ขยับร่างกายเบาๆ: เดินสั้นๆ หรือยืดเหยียดช่วยการไหลเวียน
- สวมเสื้อผ้าสบายตัว: ลดแรงกดบริเวณถุงอัณฑะ
หากปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว ให้ไปห้องฉุกเฉินทันที (สงสัยอัณฑะบิด) หากเป็นซ้ำบ่อยหรือปวดนาน ควรนัดพบแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ แหล่งอ้างอิง: NHS, MSD Manual
การป้องกัน
อาการนี้พบได้หลังการกระตุ้นทางเพศอย่างต่อเนื่องโดยไม่หลั่ง เช่น หยุดกิจกรรมทันทีหรือไม่ถึงจุดสุดยอด หากมีแนวโน้มเป็นง่าย ควรหลีกเลี่ยงการหยุดกะทันหันหรือเปิดโอกาสให้เกิดการหลั่ง คู่ของหลายคนอาจไม่ทราบเรื่องนี้ การอธิบายสั้นๆ ช่วยให้เข้าใจและร่วมกันป้องกันได้

ความเข้าใจผิดและข้อเท็จจริง
- เข้าใจผิด: น้ำเชื้อค้างอุดตันในอัณฑะ ข้อเท็จจริง: คือการคั่งของเลือดหลอดดำ น้ำเชื้อที่ไม่หลั่งจะสลายได้เอง
- เข้าใจผิด: เป็นภาวะอันตราย ข้อเท็จจริง: โดยมากไม่อันตราย แต่ถ้าปวดมาก/นาน ควรพบแพทย์
- เข้าใจผิด: มีแค่วัยรุ่น ข้อเท็จจริง: เกิดได้ในทุกวัยขึ้นกับบริบทการกระตุ้น
- เข้าใจผิด: ประคบร้อนดีกว่าเสมอ ข้อเท็จจริง: หลายรายดีขึ้นเร็วด้วยการประคบเย็นช่วงสั้น
- เข้าใจผิด: อัณฑะจะกลายเป็นสีน้ำเงินจริง ข้อเท็จจริง: การเปลี่ยนสีชัดเจนพบได้น้อยมาก หากผิดรูปหรือปวดมากให้พบแพทย์
- เข้าใจผิด: ไม่หลั่งแล้วจะไม่หาย ข้อเท็จจริง: เมื่อความตื่นตัวลดลงก็มักจะดีขึ้นเอง
- เข้าใจผิด: อดทนฝืนเอาอยู่ ข้อเท็จจริง: เป็นปฏิกิริยาทางสรีรวิทยา ไม่ใช่เรื่องกำลังใจ
- เข้าใจผิด: ออกกำลังกายหนักจะกันได้ ข้อเท็จจริง: เคลื่อนไหวเบาๆ ช่วยได้ มากเกินไปอาจยิ่งไม่สบาย
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด
- ปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว โดยเฉพาะหากมีคลื่นไส้หรืออาเจียน
- บวมชัดเจนหรือคลำได้แข็งตึงที่อัณฑะข้างหนึ่ง
- มีไข้ แดง กดเจ็บมาก
- สีผิวถุงอัณฑะเปลี่ยนชัดและไม่ดีขึ้น
- ปวดต่อเนื่องหลังได้รับบาดเจ็บ
- ปวดต่อเนื่องหลายชั่วโมงถึงหลายวัน หรืออาการแย่ลง
ดูข้อมูลประกอบ: NHS: Testicular pain, NHS: Testicular torsion, NHS: Epididymitis, MSD Manual
สรุป
อัณฑะคั่งเลือดเป็นอาการไม่สบายที่พบได้ แต่โดยมากไม่อันตราย เกิดจากการคั่งของเลือดชั่วคราวหลังการกระตุ้นทางเพศโดยไม่มีการหลั่ง การหลั่ง ประคบเย็นช่วงสั้น ขยับเบาๆ และสวมเสื้อผ้าสบายช่วยบรรเทาได้ หากปวดข้างเดียวรุนแรงหรือปวดนาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อคัดกรองภาวะฉุกเฉินอย่างอัณฑะบิด

