อัณฑะคั่งเลือด (บลูบอลส์): ทำไมจึงเกิด “อาการเจ็บของสุภาพบุรุษ”

รูปโปรไฟล์ของผู้เขียน
ซัปเปิลฟิลิป มาร์กซ์
ภาพอธิบายการคั่งของเลือดในอัณฑะและหลอดเชือกอัณฑะหลังการกระตุ้นทางเพศโดยไม่มีการหลั่ง

อัณฑะคั่งเลือด หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “บลูบอลส์” คืออาการแน่นตึงหรือปวดหน่วงที่ถุงอัณฑะหลังจากมีการกระตุ้นทางเพศอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้หลั่ง หลายคนกังวลว่าอันตรายไหม แก้อย่างไรให้หายเร็ว และเมื่อใดจึงควรไปพบแพทย์ บทความนี้อธิบายอย่างตรงไปตรงมา พร้อมคำแนะนำปฏิบัติได้จริง

อัณฑะคั่งเลือดคืออะไร

ไม่ใช่ “น้ำเชื้อค้าง” ตามความเชื่อผิดๆ แต่เป็นการคั่งของเลือดหลอดดำชั่วคราวในเนื้ออัณฑะและหลอดเชือกอัณฑะขณะตื่นตัวทางเพศ จึงรู้สึกแน่นหรือปวด เมื่อความตื่นตัวลดลงตามธรรมชาติหรือมีการหลั่ง อาการโดยมากจะทุเลาเอง หากมีอาการปวดมาก ปวดข้างเดียว หรือผิดปกติไปจากเดิม ควรให้แพทย์ประเมิน

แนวทางอ้างอิงเรื่องอาการปวดอัณฑะ: NHS และ MSD Manual บทความอธิบาย “blue balls” แบบเข้าใจง่ายมีที่ Cleveland Clinic

กลไกการเกิดอาการ

ระหว่างการกระตุ้นทางเพศ หลอดเลือดจะขยายและมีเลือดไหลเวียนสู่องคชาตและถุงอัณฑะมากขึ้น หากหยุดลงกะทันหันหรือไม่ได้หลั่ง การไหลเวียนกลับสู่ภาวะปกติอาจล่าช้า เกิดการคั่งของเลือดชั่วคราวซึ่งทำให้รู้สึกตึงและปวด น้ำเชื้อที่ไม่ได้หลั่งจะถูกสลายและดูดกลับโดยร่างกาย ไม่มีการ “อุดตัน” จริง

อาการที่พบบ่อย

  • ปวดหน่วงหรือแน่นถ่วงที่อัณฑะหรือท้องน้อย
  • บางรายมีอาการร้าวไปบริเวณขาหนีบ
  • พบการเปลี่ยนสีคล้ำเล็กน้อยจากเลือดคั่งได้บ้าง แต่ไม่ชัด

ส่วนใหญ่จะทุเลาเองภายในไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง เร็วขึ้นเมื่อความตื่นตัวลดลงหรือหลังการหลั่ง หากปวดรุนแรง ผิดปกติ หรือปวดข้างเดียวต่อเนื่อง ควรพบแพทย์

ภาวะสำคัญที่ต้องแยกให้ได้

  • อัณฑะบิดตัว (testicular torsion): ปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว อาจคลื่นไส้หรืออาเจียน ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องไปโรงพยาบาล ดูเพิ่มที่ NHS
  • หลอดเก็บเชื้ออสุจิอักเสบ (epididymitis): ปวด บวม แดง กดเจ็บ อาจมีไข้ อ่านเพิ่มที่ NHS
  • ไส้เลื่อนขาหนีบ: มีก้อนนูน กดเจ็บหรือเจ็บเวลาไอ/ยกของ อ้างอิงใน NHS
  • อุบัติเหตุ/ฟกช้ำ: บวม ช้ำหลังการกระแทก แนวทางดูแลใน MSD Manual

วิธีบรรเทาอย่างรวดเร็ว

  • การหลั่ง: ความตื่นตัวลดลง อาการโดยมากจะดีขึ้น
  • ประคบเย็นช่วงสั้น: ใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นห่อด้วยผ้าบาง ไม่วางสัมผัสผิวโดยตรง และทำเพียงไม่กี่นาที
  • ขยับร่างกายเบาๆ: เดินสั้นๆ หรือยืดเหยียดช่วยการไหลเวียน
  • สวมเสื้อผ้าสบายตัว: ลดแรงกดบริเวณถุงอัณฑะ

หากปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว ให้ไปห้องฉุกเฉินทันที (สงสัยอัณฑะบิด) หากเป็นซ้ำบ่อยหรือปวดนาน ควรนัดพบแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ แหล่งอ้างอิง: NHS, MSD Manual

การป้องกัน

อาการนี้พบได้หลังการกระตุ้นทางเพศอย่างต่อเนื่องโดยไม่หลั่ง เช่น หยุดกิจกรรมทันทีหรือไม่ถึงจุดสุดยอด หากมีแนวโน้มเป็นง่าย ควรหลีกเลี่ยงการหยุดกะทันหันหรือเปิดโอกาสให้เกิดการหลั่ง คู่ของหลายคนอาจไม่ทราบเรื่องนี้ การอธิบายสั้นๆ ช่วยให้เข้าใจและร่วมกันป้องกันได้

คู่รักผ่อนคลายบนเตียงหลังมีเพศสัมพันธ์ ขณะความตื่นตัวค่อยๆ ลดลงและการไหลเวียนเลือดกลับสู่ปกติ
อย่าหยุดการกระตุ้นอย่างฉับพลัน หรืออนุญาตให้เกิดการหลั่ง การไหลเวียนจะกลับสู่ปกติและโดยมากไม่เกิดอาการไม่สบาย

ความเข้าใจผิดและข้อเท็จจริง

  • เข้าใจผิด: น้ำเชื้อค้างอุดตันในอัณฑะ ข้อเท็จจริง: คือการคั่งของเลือดหลอดดำ น้ำเชื้อที่ไม่หลั่งจะสลายได้เอง
  • เข้าใจผิด: เป็นภาวะอันตราย ข้อเท็จจริง: โดยมากไม่อันตราย แต่ถ้าปวดมาก/นาน ควรพบแพทย์
  • เข้าใจผิด: มีแค่วัยรุ่น ข้อเท็จจริง: เกิดได้ในทุกวัยขึ้นกับบริบทการกระตุ้น
  • เข้าใจผิด: ประคบร้อนดีกว่าเสมอ ข้อเท็จจริง: หลายรายดีขึ้นเร็วด้วยการประคบเย็นช่วงสั้น
  • เข้าใจผิด: อัณฑะจะกลายเป็นสีน้ำเงินจริง ข้อเท็จจริง: การเปลี่ยนสีชัดเจนพบได้น้อยมาก หากผิดรูปหรือปวดมากให้พบแพทย์
  • เข้าใจผิด: ไม่หลั่งแล้วจะไม่หาย ข้อเท็จจริง: เมื่อความตื่นตัวลดลงก็มักจะดีขึ้นเอง
  • เข้าใจผิด: อดทนฝืนเอาอยู่ ข้อเท็จจริง: เป็นปฏิกิริยาทางสรีรวิทยา ไม่ใช่เรื่องกำลังใจ
  • เข้าใจผิด: ออกกำลังกายหนักจะกันได้ ข้อเท็จจริง: เคลื่อนไหวเบาๆ ช่วยได้ มากเกินไปอาจยิ่งไม่สบาย

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

  • ปวดเฉียบพลันรุนแรงข้างเดียว โดยเฉพาะหากมีคลื่นไส้หรืออาเจียน
  • บวมชัดเจนหรือคลำได้แข็งตึงที่อัณฑะข้างหนึ่ง
  • มีไข้ แดง กดเจ็บมาก
  • สีผิวถุงอัณฑะเปลี่ยนชัดและไม่ดีขึ้น
  • ปวดต่อเนื่องหลังได้รับบาดเจ็บ
  • ปวดต่อเนื่องหลายชั่วโมงถึงหลายวัน หรืออาการแย่ลง

ดูข้อมูลประกอบ: NHS: Testicular pain, NHS: Testicular torsion, NHS: Epididymitis, MSD Manual

สรุป

อัณฑะคั่งเลือดเป็นอาการไม่สบายที่พบได้ แต่โดยมากไม่อันตราย เกิดจากการคั่งของเลือดชั่วคราวหลังการกระตุ้นทางเพศโดยไม่มีการหลั่ง การหลั่ง ประคบเย็นช่วงสั้น ขยับเบาๆ และสวมเสื้อผ้าสบายช่วยบรรเทาได้ หากปวดข้างเดียวรุนแรงหรือปวดนาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อคัดกรองภาวะฉุกเฉินอย่างอัณฑะบิด

ข้อจำกัดความรับผิด: เนื้อหาใน RattleStork มีไว้เพื่อข้อมูลและการศึกษาโดยทั่วไปเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ กฎหมาย หรือวิชาชีพ และไม่รับประกันผลลัพธ์ใด ๆ การใช้ข้อมูลนี้เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้เอง ดู ข้อจำกัดความรับผิดฉบับเต็ม.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การคั่งชั่วคราวของเลือดในอวัยวะเพศและลูกอัณฑะหลังการกระตุ้นนาน โดยไม่มีการหลั่ง ทำให้เกิดอาการปวดตุ่ยหรือกดดัน แต่ไม่มีการอัด แน่นของอสุจิจริง ๆ

ปวดตุ่ย ๆ ในลูกอัณฑะและท้องล่าง บางครั้งรู้สึกดึงไปขาหนีบ และผิว อาจดูเขียวเล็กน้อย

มักหายภายในไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมงหลังการหลั่งหรือเมื่อความตื่นตัว ลดลง

หากปวดเกิน 2–3 ชั่วโมง ปวดรุนแรงกะทันหันหรือข้างเดียว มีอาการบวม หรือไข้ ควรพบแพทย์ทันที

การหลั่งช่วยได้ทันที นอกจากนี้ ประคบเย็น เดินสั้น ๆ หายใจลึก และสวมเสื้อผ้าหลวมก็ช่วยได้

เย็นช่วยลดอาการได้เร็วเพราะทำให้หลอดเลือดหดตัว ความร้อนอาจเพิ่มแรงดัน

ใช้เจลเย็น รัดผ้าฝ้ายหลวม ๆ ยืดกล้ามเนื้อเบา ๆ และฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ไม่ – ร่างกายยังสร้างอสุจิต่อไป และจะกำจัดสเปิร์มที่ไม่ได้หลั่งโดยอัตโนมัติ

ไม่มีหลักฐานผลเสีย ยิ่งหลั่งเป็นประจำอาจช่วยดูแลสุขภาพต่อมลูกหมาก

มี – เรียกว่า “Blue Vulva” ผู้หญิงอาจรู้สึกตึงหรือปวดในคลิตอริสและแคม หากไม่มีออร์กัสซัม อาการจะทุเลาหลังคลายความตึง

ไขว้ลูกอัณฑะ: ปวดทันทีรุนแรง บวมข้างเดียว ร่วมคลื่นไส้ – ภาวะฉุกเฉิน
อสุจิคั่ง: ปวดตุ่ย ๆ มักทวสองข้าง ค่อยทุเลาหลังหลั่งหรือคลายความตึง

อาจใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน พาราเซตามอล ชั่วคราว

ช่วยได้ – การเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น เดินระยะสั้น ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด

ความเครียดเพิ่มการเกร็งกล้ามเนื้อ ยับยั้งการไหลเวียนเลือด ทำให้เจ็บมากขึ้น การผ่อนคลายช่วยได้

หากปวดทันทีรุนแรง หรือข้างเดียว บวม มีไข้ หรืออาการไม่ทุเลาเกิน 3 ชั่วโมง – ควรพบแพทย์ทันที