การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่ไซโทพลาสซึมภายในเซลล์ไข่ (ICSI) เป็นเทคนิคหลัก ในการจัดการภาวะมีบุตรยากในเพศชาย เมื่อการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) แบบปกติไม่ประสบผลสำเร็จ บทความนี้ครอบคลุมตั้งแต่ข้อบ่งชี้ ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย โอกาสสำเร็จ ความเสี่ยง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย
ICSI คืออะไร และใช้งานเมื่อใด?
ในกระบวนการ ICSI ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ จะใช้ไมโครปิเปตต์จับอสุจิ หนึ่งตัว ฉีดเข้าไปในไซโทพลาสซึมของเซลล์ไข่ที่โตเต็มที่ ข้อบ่งชี้รวมถึง ภาวะ OAT, ภาวะไร้อสุจิหลัง TESE/micro-TESE, การแตกหักของดีเอ็นเอสูง, แอนติบอดีต่ออสุจิ และการล้มเหลวในการปฏิสนธิซ้ำในการทำ IVF ก่อนหน้านี้ การตรวจทางพันธุกรรม (AZF deletion/CFTR mutation) จึงจำเป็น เพื่อป้องกันการถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลาน
เปรียบเทียบวิธีการปฏิสนธิอย่างย่อ
- ICI / IVI – การนำน้ำอสุจิใส่ภายนอกร่างกาย
นำน้ำอสุจิใส่ใกล้ปากมดลูกด้วยกระบอกฉีดหรือถ้วยกระเบื้อง เหมาะสำหรับ ปัญหาการเจริญพันธุ์เล็กน้อยหรือใช้น้ำอสุจิบริจาค ค่าใช้จ่ายต่ำมาก ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด - IUI – การฉีดน้ำอสุจิเข้าโพรงมดลูก
น้ำอสุจิผ่านการล้างและกรองแล้วฉีดผ่านสายสวนไปยังมดลูก เหมาะสำหรับ ปัจจัยชายปานกลาง, ปัญหาปากมดลูก หรือสาเหตุไม่ทราบชัด - IVF – การทำเด็กหลอดแก้ว
กระตุ้นรังไข่ เก็บไข่แล้วนำมาเพาะกับน้ำอสุจิในห้องแล็บ มาตรฐานสำหรับ ท่อนำไข่ตัน, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือการทำ IUI ไม่สำเร็จ - ICSI – การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่ไซโทพลาสซึม
ฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ทีละตัวด้วยไมโครแมนูปูเลเตอร์ เหมาะสำหรับ ภาวะมีบุตรยากในเพศชายรุนแรงหรือกรณีตัวอย่างอสุจิจาก TESE
ค่าใช้จ่ายในการทำ ICSI ในประเทศไทย
ICSI เป็นบริการเสริมของ IVF โดยรวมค่าใช้จ่ายต่อรอบการกระตุ้น: 250,000–350,000 บาท (รวมยากระตุ้น, การดูดไข่, ห้องปฏิบัติการ ICSI, และการย้ายตัวอ่อน) ค่าบริการฉีดอสุจิเพิ่มเติม 30,000–80,000 บาท ต่อเซลล์ไข่หนึ่งใบ
ประกันสุขภาพเอกชนบางแห่งอาจให้ส่วนลด แต่กรมบัญชีกลางและประกันสังคม ยังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การตัดชิ้นเนื้ออัณฑะ (TESE) 50,000–100,000 บาท, การตรวจทางพันธุกรรม 10,000–25,000 บาท, PGT-A 50,000–100,000 บาท, การเก็บตัวอ่อนในภาวะแช่แข็ง 10,000–20,000 บาทต่อปี
ขั้นตอนการทำ ICSI ทีละขั้น
- วินิจฉัยและให้คำปรึกษา: ตรวจอสุจิ, ตรวจระดับฮอร์โมน, อัลตราซาวนด์, ตรวจโรคติดเชื้อ และตรวจทางพันธุกรรม
- กระตุ้นรังไข่: ฉีดฮอร์โมนกระตุ้น 8–12 วัน ติดตามด้วยอัลตราซาวนด์และระดับฮอร์โมน
- เก็บไข่และอสุจิ: 34–36 ชั่วโมงหลังฉีดกระตุ้น hCG/GnRH, ถ้ามี azoospermia ใช้ TESE/micro-TESE
- คัดเลือกอสุจิ: เทคนิค gradien ความหนาแน่น, IMSI หรือ PICSI เพื่อลดการแตกหักของดีเอ็นเอ
- ฉีดอสุจิ: ฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ MII ทีละตัว ด้วยไมโครแมนูปูเลเตอร์
- เลี้ยงตัวอ่อนและติดตามด้วย Time-Lapse: ติดตามจนถึง วันที่ 5 (บลาสโตซิสต์) มีตัวเลือก PGT-A/PGT-M
- ย้ายตัวอ่อนหรือ Freeze-all: ย้ายตัวอ่อนครั้งเดียวเพื่อลด ความเสี่ยงการตั้งครรภ์แฝด, หรือแช่แข็งรอรอบธรรมชาติหรือ HRT
- เสริมฮอร์โมนระยะ luteal: ใช้ progesterone จนถึงสัปดาห์ที่ 10–12 ของการตั้งครรภ์
- ตรวจ β-hCG และอัลตราซาวนด์: ตรวจเลือด 12–14 วันหลังย้ายตัวอ่อน, ตรวจเจอหัวใจตัวอ่อน 6–7 สัปดาห์
โอกาสสำเร็จ – ตัวเลขจริง
อัตราการปฏิสนธิด้วย ICSI อยู่ที่ 70–80% โดยอัตราการตั้งครรภ์ ทางคลินิกต่อการย้ายตัวอ่อนขึ้นกับอายุแม่:
- < 35 ปี: 45–55%
- 35–37 ปี: 35–45%
- 38–40 ปี: 25–30%
- > 40 ปี: < 15%
ถ้าใช้ตัวอ่อนแช่แข็ง (vitrified) อัตรา baby-take-home rate ต่อรอบกระตุ้นมักเกิน 60% ในผู้หญิง อายุ < 35 ปี
วิธีเพิ่มโอกาสสำเร็จ
การดูแลสุขภาพ: รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์, เลิกสูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ < 5 หน่วย/สัปดาห์, ทานโฟเลตและวิตามินดีทุกวัน, ออกกำลังกายพอเหมาะ
ปัจจัยชาย: รับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (วิตามิน C/E, CoQ10, Omega-3) และงดสารเสพติด/สเตียรอยด์ 3 เดือน
ยาหรืออาหารเสริม:DHEA หรือ CoQ10 ช่วยผู้ที่ตอบสนองต่ำ (ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้)
ความเสี่ยงและผลข้างเคียง
- OHSS: เกิดจากการกระตุ้นรังไข่ – ปัจจุบันหายาก (<1%) ด้วยโปรโตคอล antagonist + freeze-all
- ตั้งครรภ์แฝด: หากย้ายตัวอ่อนหลายตัว; จึงแนะนำให้ย้ายตัวอ่อนครั้งละหนึ่งตัว
- ผลกระทบทางพันธุกรรม: พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่ม เล็กน้อยต่อภาวะ imprinting disorders (<1%)
- ภาระทางจิตใจ: ค่าใช้จ่ายสูงและอาจต้องทำหลายรอบ แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์หรือกลุ่มสนับสนุน
กรอบกฎหมายและข้อบังคับ (ประเทศไทย)
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องหลักเกณฑ์การรักษาภาวะมีบุตรยาก พ.ศ. 2562
- แนวทางการปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ฉบับปี 2023
- ข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เกี่ยวกับ การใช้ฮอร์โมนกระตุ้น
แหล่งข้อมูลเชิงวิชาการและแนวทาง
บทสรุป
ICSI เป็นเทคนิคที่แม่นยำที่สุดในการแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากในเพศชาย ด้วยการฉีดเชื้ออสุจิเข้าเซลล์ไข่โดยตรง ร่วมกับห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน และการย้ายตัวอ่อนทีละตัว ทำให้อัตราการตั้งครรภ์สูงถึง 55% ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปี การให้ข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่าย ความเสี่ยง และการให้คำปรึกษาพันธุกรรม จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เทคนิคนี้ได้ผลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ