สเปิร์มมาแกรมเป็นขั้นตอนแรกที่หลายคู่สมรสในไทยใช้เมื่อตั้งครรภ์ช้า การวิเคราะห์ตามมาตรฐาน WHO ช่วยประเมินความเข้มข้น การเคลื่อนไหว และรูปร่างของอสุจิ ในบทความนี้คุณจะได้ทราบขั้นตอนการตรวจ ค่าใช้จ่ายทั้งสิทธิบัตรทองและคลินิกเอกชน ค่ามาตรฐานล่าสุดของ WHO และเคล็ดลับที่พิสูจน์แล้วว่า ช่วยปรับปรุงคุณภาพตัวอย่างอสุจิได้
สเปิร์มมาแกรมคืออะไร?
สเปิร์มมาแกรมเป็นการตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินภาวะเจริญพันธุ์ชาย โดยวัด:
- ความเข้มข้นของอสุจิ – จำนวนอสุจิต่อมิลลิลิตร
- การเคลื่อนไหว (Motility) – สัดส่วนอสุจิที่เคลื่อนไหวได้
- รูปร่าง (Morphology) – สัดส่วนอสุจิที่มีรูปร่างปกติ
- ปริมาณน้ำอสุจิ – ปริมาตรรวมของน้ำอสุจิ
- การมีชีวิต (Vitality) – สัดส่วนอสุจิที่ยังมีชีวิต
- ค่า pH – บ่งชี้การอักเสบหรือภาวะกรดด่างไม่สมดุล
- จำนวนเม็ดเลือดขาว – เพิ่มขึ้นบ่งชี้การติดเชื้อ
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แพทย์ประเมินโอกาสในการปฏิสนธิเองตามธรรมชาติได้
เมื่อใดควรตรวจสเปิร์มมาแกรม?
แนะนำให้ตรวจเมื่อมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอโดยไม่ใช้คุมกำเนิดติดต่อกัน 12 เดือนแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ หากอายุมากขึ้นหรือมีปัจจัยเสี่ยง (เช่น ริดสีดวงขอดอัณฑะ เคมีบำบัด) อาจเริ่มตรวจหลัง 6 เดือน
- ภาวะมีบุตรยากครั้งแรกหรือครั้งที่สอง
- ผลตรวจฮอร์โมนผิดปกติ
- ตรวจก่อน/หลังทำหมันชาย (vasectomy)
- ภรรยามีการแท้งซ้ำ
- เคยผ่าตัดหรือได้รับรังสีบริเวณอุ้งเชิงกราน
ค่าใช้จ่ายและสิทธิบัตรทอง/ประกันสังคม
หากมีสิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม (มาตรา 33) สเปิร์มมาแกรมมักครอบคลุมโดยตรงเมื่อมีใบส่งตัวจากแพทย์ ในคลินิกเอกชนราคาประมาณ ฿800–฿1,500 ต่อการตรวจ และอาจมีส่วนลดสำหรับแพ็กเกจสองครั้ง
ขั้นตอนสเปิร์มมาแกรม: การเตรียมตัวและการเก็บตัวอย่าง
การเตรียมตัว:
- งดการหลั่งอสุจิ 2–7 วันก่อนตรวจ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติด 48 ชม. ก่อนตรวจ
- ไม่ควรมีไข้หรือการติดเชื้อเฉียบพลัน
- พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด
การเก็บตัวอย่าง:
- ล้างมือและอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ
- ห้ามใช้สารหล่อลื่นหรือถุงยางเจล
- เก็บอสุจิทั้งหมดในภาชนะที่ปลอดเชื้อจากห้องปฏิบัติการ
หากเก็บตัวอย่างที่บ้าน ให้เก็บในอุณหภูมิร่างกาย (~37 °C) แล้วส่งถึงห้องปฏิบัติการภายใน 60 นาที
ค่ามาตรฐาน WHO 2021
- ปริมาตร: ≥ 1.5 มล.
- ความเข้มข้น: ≥ 15 ล้านตัวอสุจิต่อมล.
- จำนวนรวม: ≥ 39 ล้านตัวต่อการหลั่ง
- มอไทลิตี้รวม: ≥ 40 %
- มอไทลิตี้ก้าวหน้า: ≥ 32 %
- มอร์โฟโลยี: ≥ 4 %
- การมีชีวิต: ≥ 58 %
- ค่า pH: ≥ 7.2
หากค่าต่ำกว่าอาจบ่งชี้ความเสี่ยง มีบุตรยาก แต่ไม่ใช่การันตีภาวะมีบุตรยากเสมอไป
คุณภาพห้องปฏิบัติการ: ควรเลือกอย่างไร
ห้องปฏิบัติการควรมีมาตรฐาน ISO 15189 และเข้าร่วมการทดสอบคุณภาพภายนอก (EQA) ปฏิบัติตามคู่มือ WHO อย่างเคร่งครัด และการตรวจซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยสองคน
ระยะเวลาและวิธีรายงานผล
การวิเคราะห์ใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้เวลาประมาณ 60–120 นาที ผลเป็นลายลักษณ์อักษรจะพร้อมภายใน 2–4 วันทำการ และมักส่งผ่านระบบออนไลน์ก่อนนัดหมายแพทย์เพื่ออธิบายรายละเอียด
การตีความผลที่ผิดปกติ
- Oligozoospermia – จำนวนอสุจิต่ำ
- Asthenozoospermia – การเคลื่อนไหวลดลง
- Teratozoospermia – รูปร่างผิดปกติ
- Cryptozoospermia – ความเข้มข้นต่ำมาก
- Azoospermia – ไม่มีอสุจิ
ควรทำซ้ำอีกครั้งหลัง 6 สัปดาห์เพื่อคัดกรองความผันแปรตามธรรมชาติ
สาเหตุหลักที่อาจลดคุณภาพอสุจิ
- ความผิดปกติของฮอร์โมน (Testosterone, FSH, LH, Prolactin)
- ปัจจัยทางพันธุกรรม (เช่น กลุ่มอาการไคล์นเฟลเตอร์)
- การติดเชื้อ (Chlamydia, mumps orchitis)
- วิถีชีวิต: สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อ้วน เครียดเรื้อรัง
- ปัจจัยสิ่งแวดล้อม: ความร้อน สารเคมี โลหะหนัก
ไข้สูงหรือยาบางชนิดอาจส่งผลชั่วคราวต่อผลตรวจได้
6 เคล็ดลับปรับปรุงคุณภาพอสุจิ
- อาหารสมดุล: แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ (วิตามิน C, E, สังกะสี), โอเมกา 3
- ออกกำลังกายพอเหมาะ: หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ขี่จักรยานนานหรือเข้า sauna
- ลดสารพิษ: เลิกสูบบุหรี่และจำกัดแอลกอฮอล์
- จัดการความเครียด: ฝึกสมาธิ yoga หรือเทคนิคหายใจ
- รักษาอุณหภูมิอัณฑะ: ใส่กางเกงในหลวม หลีกเลี่ยงวางโน้ตบุ๊กบนตัก
- อาหารเสริม: CoQ10 หรือ L-carnitine — ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
การศึกษาNagy et al., 2021 พบว่าเคล็ดลับเหล่านี้ช่วยเพิ่มจำนวนและ motility ของอสุจิได้อย่างมีนัยสำคัญ
การตรวจเพิ่มเติมและวิธีการช่วยตั้งครรภ์
หากผลผิดปกติมาก แพทย์อาจแนะนำ:
- ตรวจฮอร์โมนเจาะจง
- ตรวจทางพันธุกรรม (kariotype, Y-microdeletion)
- อัลตร้าซาวด์อัณฑะ
- ทดสอบ DNA fragmentation
- ผ่าตัดเก็บอสุจิ (TESE/MESA) ในกรณี azoospermia
กระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น IVF หรือ ICSI ช่วยให้ตั้งครรภ์ได้แม้คุณภาพอสุจิต่ำ
ผลเป็นปกติ — ขั้นตอนต่อไป?
หากผลเป็นปกติ สาเหตุจากฝั่งชายส่วนใหญ่ถูกตัดออก แต่หากยังไม่ตั้งครรภ์ ควรตรวจคู่สมรส (ติดตามรอบเดือน, ตรวจฮอร์โมน, post-coital test) และรับคำปรึกษาจากคลินิกผู้เชี่ยวชาญต่อไป
บทสรุป
สเปิร์มมาแกรมช่วยให้เห็นภาพรวมภาวะเจริญพันธุ์ชายได้ชัดเจน ความผิดปกติส่วนใหญ่สามารถปรับปรุงได้ด้วยวิธีปรับวิถีชีวิต การรักษาทางการแพทย์ หรือเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ แม้ผลตรวจเป็นปกติ การร่วมมือของทั้งสองฝ่ายก็ยังเป็นกุญแจสำคัญ