มีคู่หลายคู่ในประเทศไทยหันมาสนใจการ บริจาคไข่ เพราะไม่สามารถตั้งครรภ์โดยธรรมชาติได้ ในประเทศไทยการบริจาคไข่ได้รับการยอมรับและมีกฎเกณฑ์ควบคุมโดยแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข แต่บางครอบครัวยังเลือกคลินิกเอกชนเพื่อความสะดวก และบางคู่เดินทางไปรักษาต่างประเทศ บทความนี้รวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งหมด ตั้งแต่กระบวนการทางการแพทย์ ค่าใช้จ่าย โอกาสสำเร็จ ไปจนถึงกฎหมายและแนวโน้มในอนาคต
การบริจาคไข่ดำเนินการอย่างไร?
หลังจากให้ยาระยะกระตุ้นรังไข่เพื่อให้ได้ไข่หลายฟอง แพทย์จะทำการดูดเซลล์ไข่จากรังไข่ของผู้บริจาคด้วยการเจาะผ่านช่องคลอดภายใต้การส่องด้วยอัลตราซาวนด์ ในห้องปฏิบัติการ ไข่จะถูกปฏิสนธิด้วยวิธี การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือ การฉีดเชื้อเข้าสู่ซีโทพลาสซึม (ICSI) หลังจากเพาะเลี้ยงจนเป็นตัวอ่อนแล้ว แพทย์จะย้ายตัวอ่อนเข้าสู่มดลูกของผู้รับไข่ เชื้อพันธุกรรมของลูกจะมาจากผู้บริจาคไข่ แต่กฎหมายไทยกำหนดว่าแม่ทางกฎหมายคือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และคลอดเด็ก
ทำไมการบริจาคไข่ในประเทศไทยจึงได้รับการยอมรับ?
การบริจาคไข่ในประเทศไทยได้รับการอนุมัติโดย ประกาศแพทยสภา เรื่องแนวปฏิบัติคลินิกผู้ช่วยการเจริญพันธุ์ (PMA) พ.ศ. 2560 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการฉีดเชื้อเพื่อทำเด็กหลอดแก้ว พ.ศ. 2559 (แก้ไข 2564) ซึ่งกำหนดให้ผู้บริจาคไข่ต้องมีอายุระหว่าง 20–35 ปี สุขภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคทางพันธุกรรมหรือโรคติดต่อสำคัญ และต้องผ่านการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดหาโรคติดต่อ รวมถึงตรวจคัดกรองทางพันธุกรรม ผู้บริจาคไข่จะไม่รับค่าตอบแทนโดยตรง แต่ได้รับเงินชดเชยค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนด ไม่เกิน 20,000 บาทต่อรอบการบริจาค
การบริจาคตัวอ่อน – มีได้แต่ไม่บ่อย
การบริจาคตัวอ่อน (ตัวอ่อนที่แช่แข็งเหลือจากกระบวนการ IVF ของคู่เดิม) ถูกกฎเกณฑ์อนุญาต ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่เจ้าของตัวอ่อนเดิม โดยคลินิกจะคัดกรองทั้งคู่เจ้าของตัวอ่อนและคู่รับ ผ่านกระบวนการตรวจร่างกายและจิตใจอย่างเข้มงวด การบริจาคตัวอ่อนในไทยพบได้แต่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากตัวอ่อนส่วนเกินมีจำกัดและกระบวนการจัดเก็บส่งต่อมีความซับซ้อน
กฎหมายครอบครัว: ใครคือแม่ทางกฎหมาย?
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1568 (1) แม่คือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร แม้ว่าตัวอ่อนจะมาจากไข่บริจาค แต่เมื่อเด็กคลอด ผู้ให้กำเนิด (ผู้รับไข่) จะได้รับการจดทะเบียนเป็นแม่ทันที ไม่ต้องดำเนินการรับรองหรืออุปการะเด็กเพิ่มเติม ตรวจสอบสิทธิ์ได้ในสูติบัตร
การใช้มารดาแท้ยังคงถูกควบคุม
การทำ ซูเรียเกซี (Surrogacy) หรือการใช้มารดาแท้ มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายครั้งใหญ่ พ.ศ. 2558 (กฎหมายทดแทนแม่อุ้มบุญ) ที่จำกัดเฉพาะคู่ไทยที่จดทะเบียนสมรสเท่านั้น และห้ามคนนอกชาติเป็นคู่เดิมเพื่อใช้มารดาแท้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญาและปรับสูง ระเบียบควบคุมเข้มงวด เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์และการเอาเปรียบผู้หญิงไทย ในทางปฏิบัติ คู่ต่างชาติไม่สามารถทำซูเรียเกซีในไทยได้ จึงต้องไปต่างประเทศหากต้องการวิธีนี้
ภาพรวมความเสี่ยงทางการแพทย์
ผู้บริจาคไข่: ผลข้างเคียงทั่วไปของการกระตุ้นรังไข่ ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ และไม่สบายท้องเล็กน้อย ภาวะโพรงรังไข่ตอบสนองมากเกินไป (OHSS) เกิดขึ้นประมาณ 1% ของรอบการรักษา Braat 2014. ขั้นตอนการเจาะเก็บไข่เป็นการผ่าตัดเล็ก จึงมีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อเลือดออกและติดเชื้อ ผู้รับไข่: มีงานวิจัยจากสวีเดนชี้ว่า การตั้งครรภ์ที่เกิดจากไข่บริจาคมีความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ (pre-eclampsia) สูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับไข่ตนเอง Magnusson 2021. แต่เมื่อทำที่คลินิกคุณภาพสูงในไทย พร้อมการติดตามอัลตราซาวนด์และตรวจเลือดอย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
อัตราความสำเร็จปัจจุบัน
รายงาน ART ล่าสุดของ ESHRE (European Society of Human Reproduction and Embryology) สำหรับปี 2019 ระบุว่า อัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกหลังย้ายตัวอ่อนสดจากไข่บริจาคอยู่ที่ 50.5%ESHRE 2023. รายงานของ CDC สหรัฐอเมริกา ประจำปี 2022 ระบุว่า ในกลุ่มผู้รับไข่บริจาคอายุต่ำกว่า 30 ปี อัตราการคลอดมีชีพอยู่ที่ 55% ต่อรอบ CDC 2022. คลินิกชั้นนำในสเปน รายงานว่าใช้ห้องปฏิบัติการทันสมัยและตรวจคัดกรองตัวอ่อนทางพันธุกรรมล่วงหน้า (PGT-A) ทำให้อัตราความสำเร็จสูงกว่า 65%Embriogyn 2024. ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อายุและสุขภาพของผู้บริจาคไข่ คุณภาพตัวอ่อน และประสบการณ์ของทีมแพทย์
เปรียบเทียบต่างประเทศ – ค่าใช้จ่ายและเงื่อนไข 2025
ในประเทศไทย การบริจาคไข่ในคลินิกเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายต่อรอบประมาณ 300,000 – 500,000 บาท (ไม่รวมค่ายาและการเดินทาง) จึงเป็นเหตุให้หลายคู่ไปต่างประเทศเพื่อลดค่าใช้จ่ายหรือรอบคิวสั้นกว่า ด้านล่างคือ 13 ประเทศยอดนิยมพร้อมราคาโดยประมาณในหน่วยเงินบาท (อัตราแลกเปลี่ยนสมมุติ 1 USD = 35 บาท, 1 EUR = 40 บาท):
- สเปน – 7,000–11,000 € (≈ 280,000–440,000 บาท), บริจาคแบบไม่ระบุชื่อ, อัตราความสำเร็จสูงถึง 60%
- สาธารณรัฐเช็ก – 6,000–9,000 € (≈ 240,000–360,000 บาท), บริจาคไม่ระบุชื่อ, คิวรอไม่นาน
- กรีซ – 6,500–10,000 € (≈ 260,000–400,000 บาท), กฎหมายติดตามตัวอ่อนใหม่ตั้งแต่ 2023
- โปรตุเกส – 6,500–9,500 € (≈ 260,000–380,000 บาท), ไม่มีการระบุชื่อ; เด็กมีสิทธิขอข้อมูลผู้บริจาคเมื่ออายุ 18 ปี
- บัลแกเรีย – 5,500–8,500 € (≈ 220,000–340,000 บาท), บริจาคไม่ระบุชื่อ, จำกัดลูกสูงสุด 5 คนต่อผู้บริจาค
- ยูเครน – 5,000–8,000 € (≈ 200,000–320,000 บาท), กฎหมายค่อนข้างเสรี, มีความเสี่ยงทางการเมือง
- สหรัฐอเมริกา – 15,000–25,000 $ (≈ 525,000–875,000 บาท), บริจาคแบบเปิดเผยชื่อ, ทดสอบพันธุกรรมครอบคลุม
- แคนาดา – 10,000–14,000 $ (≈ 350,000–490,000 บาท), ระบบอาสาสมัคร, ไม่มีค่าตอบแทนแก่ผู้บริจาค
- อิสราเอล – 9,000–12,000 $ (≈ 315,000–420,000 บาท), บริจาคไม่ระบุชื่อ, เกณฑ์ทางการแพทย์เข้มงวด
- ญี่ปุ่น – 8,000–12,000 $ (≈ 280,000–420,000 บาท), บริจาคไม่ระบุชื่อ, ข้อจำกัดด้านการเปิดเผยข้อมูล
- ฮังการี – 6,500–9,500 $ (≈ 227,500–332,500 บาท), บริจาคเฉพาะในครอบครัว, ไม่มีความเป็นส่วนตัว
- จอร์เจีย – 5,000–8,000 $ (≈ 175,000–280,000 บาท), กฎหมายอนุญาตเสรี, รอไม่นาน
- ฝรั่งเศส – 6,000–9,000 € (≈ 240,000–360,000 บาท), บริจาคไม่ระบุชื่อ; เด็กสามารถขอข้อมูลได้เมื่ออายุ 18 ปี
นอกจากค่าคลินิกแล้ว ต้องคำนวณค่ายา ค่าเดินทาง และค่าโรงแรม สำหรับคู่ไทยที่ไปรักษาต่างประเทศโดยทั่วไปจะเตรียมงบประมาณรวมประมาณ 350,000 – 700,000 บาท ต่อหนึ่งรอบ ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางและระยะเวลาพัก
แนวโน้มในอนาคต: จะมีการปรับปรุงกฎหมายหรือไม่?
ในปี 2025 สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีแผนปรับปรุงประกาศแพทยสภาและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการช่วยการเจริญพันธุ์อย่างมีนัยสำคัญ แต่ คณะกรรมการส่งเสริมการทำเด็กหลอดแก้วและศูนย์เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของกระทรวงสาธารณสุข อาจออกแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมได้ ควรติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภาเพื่อข้อมูลอัพเดต
การบริจาคอสุจิ – ทางเลือกที่เร็วและถูกกฎหมาย
หากปัญหาการมีบุตรเกิดจากฝ่ายชาย การบริจาคอสุจิ ในประเทศไทยถือว่าเป็นทางเลือกที่ถูกกฎหมายและจัดการได้เร็วกว่าการบริจาคไข่ในต่างประเทศ RattleStork เชื่อมต่อผู้ที่ต้องการมีบุตรกับผู้บริจาคอสุจิที่ผ่านการตรวจคัดกรอง ทั้งยังมีระบบส่งข้อความปลอดภัย ติดตามรอบการทำฟันทอง และสัญญาทางกฎหมายมาตรฐานผ่านแอปพลิเคชันใช้งานง่าย แพลตฟอร์มรับรองว่าทั้งสองฝ่ายต้องผ่านการตรวจสุขภาพและการปรึกษาทางจิตวิทยาตามข้อกำหนด กระทรวงสาธารณสุข ทำให้การบริจาคอสุจิเป็นทางเลือกที่เชื่อถือได้และเข้าถึงได้ง่าย

สรุป
การบริจาคไข่ในประเทศไทยถูกกฎหมายและมีกฎเกณฑ์ควบคุม แต่ค่าใช้จ่ายและเวลารอคิวอาจสูง ทำให้หลายคู่เลือกไปต่างประเทศ คู่ที่สนใจควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก กระทรวงสาธารณสุข และแพทยสภา ปรึกษาทนายความที่เชี่ยวชาญ และวางแผนงบประมาณพร้อมโลจิสติกส์อย่างรอบคอบ การเตรียมพร้อมอย่างดีคือกุญแจสำคัญในการเพิ่มโอกาสสำเร็จ