โค-พาเรนติ้ง (co-parenting) หรือที่บางคนเรียกว่า การเลี้ยงดูร่วม กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทย บทความนี้จะอธิบายว่าทำไมพ่อแม่ที่หย่าร้าง คนโสด และคู่รัก LGBTQ+ จึงเลือกโมเดลนี้ มี ข้อดี อะไรบ้าง และ แผนการเลี้ยงดู (parenting plan) พร้อม กลยุทธ์ปฏิบัติ อย่างไรจะช่วยให้ครอบครัวของคุณเติบโตอย่างมั่นคง
โค-พาเรนติ้ง (co-parenting) คืออะไร?
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 1536–1546) และ พ.ร.บ. ครอบครัว การเลี้ยงดูร่วม (co-parenting) หมายถึงการที่ผู้ใหญ่สองคนขึ้นไป แบ่งปันทั้ง อำนาจปกครองบุตร (การตัดสินใจเรื่องการศึกษา สุขภาพ ฯลฯ) และ อำนาจดูแลบุตร (ที่อยู่อาศัยและการดูแลประจำวัน) ร่วมกัน ข้อตกลงเหล่านี้จะถูกบันทึกใน แผนการเลี้ยงดู (parenting plan) ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากศาลเยาวชนและครอบครัวหรือองค์กรคุ้มครอง
ข้อดีของโค-พาเรนติ้ง (co-parenting)
สำหรับครอบครัวไทยยุคใหม่ โค-พาเรนติ้ง (co-parenting) มอบ:
- ความยืดหยุ่น: สลับกันดูแลลดความกดดันและช่วยให้ทุกคนทำงานและดูแลครอบครัวได้
- ผ่อนคลายทางอารมณ์: แบ่งเบาภาระจิตใจ ลดความเครียดและการหมดไฟ
- ตัวอย่างหลากหลาย: เด็กได้รับประสบการณ์และรูปแบบการเลี้ยงดูที่ต่างกัน
- ความคุ้มครองทางกฎหมาย: ศาลเยาวชนฯ และกฎหมายครอบครัวรับรองแผนการเลี้ยงดูร่วม
ความท้าทายและแนวทางแก้ไข
การเลี้ยงดูร่วม (co-parenting) ให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมี:
- การสื่อสารเปิดกว้าง: นัดหมายพูดคุยสัปดาห์ละครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
- ข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร: แผนการเลี้ยงดู (parenting plan) ที่ระบุตารางเวลา วันหยุด และหน้าที่ความรับผิดชอบ
- ความยืดหยุ่น: ปรับแผนตามการเติบโตของเด็กและการเปลี่ยนแปลงชีวิต
- การสนับสนุนจากมืออาชีพ: ศูนย์ไกล่เกลี่ยศาลเยาวชนฯ หรือทนายความนักจิตวิทยาครอบครัว
โค-พาเรนติ้ง (co-parenting) สำหรับครอบครัว LGBTQ+
คู่รัก LGBTQ+ มักใช้วิธีรับเลี้ยงบุตร อุ้มบุญ หรือเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ จากนั้นจึงจัดทำแผนการเลี้ยงดูร่วม (co-parenting) เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิเท่าเทียม ควรปรึกษาทนายความด้านกฎหมายครอบครัวที่มีความรู้เรื่องสิทธิ LGBTQ+ ตั้งแต่เริ่มต้น
เคล็ดลับปฏิบัติประจำวัน
- ปฏิทินร่วม: ใช้ Google Calendar, LINE Calendar หรือ FamilyWall จัดตารางนัดหมายและกิจกรรม
- ประชุมประจำ: นัดประชุมทางไลน์หรือวิดีโอ 30 นาทีทุกสัปดาห์เพื่ออัปเดตแผน
- กิจวัตรสม่ำเสมอ: กำหนดเวลาเข้านอน การบ้าน และเวลาหน้าจอให้ชัดเจน
- บทบาทชัดเจน: แบ่งงานรับ-ส่ง เดินทางโรงเรียน และกิจกรรมพิเศษ
- ฟังเสียงเด็ก: ให้เด็กมีส่วนร่วม ตามวัยที่เหมาะสม
การจัดการความขัดแย้ง
- การไกล่เกลี่ย: ปรึกษาศูนย์ไกล่เกลี่ยศาลเยาวชนฯ หรือผู้ไกล่เกลี่ยเอกชน
- บำบัดครอบครัว: พบจิตแพทย์ครอบครัวที่มีใบอนุญาต กระทรวงสาธารณสุขรับรอง
- ผู้ประสานงานเลี้ยงดูร่วม: กรณีความขัดแย้งสูง ศาลอาจแต่งตั้งผู้ประสานงานกลาง
ข้อควรพิจารณาทางกฎหมาย
- ประเภทอำนาจปกครอง: ร่วมกัน vs. แต่เพียงผู้เดียว ตาม ส.ค.ม. มาตรา 1536–1546
- ค่าเลี้ยงดูบุตร: ศาลกำหนดตามรายได้ผู้ปกครองและความจำเป็นของเด็ก
- การตัดสินใจสำคัญ: การศึกษา สุขภาพ ศาสนา ระบุชัดเจนในแผน
- แผนการเลี้ยงดู: เอกสารศาลรับรอง มีผลผูกพันทั้งสองฝ่าย
- พินัยกรรมและผู้ปกครองแทน: แต่งตั้งผู้ปกครองสำรอง กรณีผู้ปกครองหลักเสียชีวิต

ขอแนะนำให้ปรึกษาทนายความด้านครอบครัว หรือศูนย์บริการคำปรึกษากฎหมายฟรีของสภาทนายความ
วิธีหาคู่โค-พาเรนติ้งที่เหมาะสม
- แพลตฟอร์มออนไลน์: กลุ่ม Facebook “เลี้ยงดูร่วม (co-parenting)” และเว็บบอร์ด FamilyWall
- เครือข่ายส่วนตัว: ขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือชมรมผู้ปกครอง
- สะท้อนตนเอง: ตั้งคุณค่า วิธีเลี้ยงดู และเป้าหมายชีวิตให้ตรงกันล่วงหน้า
อ่านเพิ่มเติม & งานวิจัย
- Fabricius, W. V., Braver, S. L., Diaz, P., & Vélez, C. (2010). Child adjustment in joint versus sole physical custody: Two-year longitudinal study. Family Process.
- Kelly, J. B., & Lamb, M. E. (2000). Using child development research to guide custody decisions. Family Court Review.
- Nunes, C., Scherer, N., & Favez, N. (2021). Co-parenting programs: Systematic review & meta-analysis. Family Relations.
บทสรุป
โค-พาเรนติ้ง (co-parenting) หรือการเลี้ยงดูร่วมในไทยสร้าง เครือข่ายครอบครัวที่แข็งแรงและร่วมมือกัน โดยให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กที่สุด ด้วยแผนการเลี้ยงดูที่ชัดเจน การสื่อสารเปิดกว้าง และกรอบกฎหมายที่มั่นคง