การฉีดเชื้อที่บ้านด้วยกระบอกฉีดยา: คู่มือทีละขั้น จังหวะเวลา ความปลอดภัย และกรอบกฎหมายสำหรับผู้อ่านไทย

รูปโปรไฟล์ของผู้เขียน
ซัปเปิลฟิลิป มาร์กซ์
การฉีดเชื้อที่บ้าน: ภาชนะปลอดเชื้อ กระบอกฉีดยาแบบไม่มีเข็ม และแถบทดสอบ LH บนพื้นผิวสะอาด

การฉีดเชื้อที่บ้าน คือการเก็บน้ำอสุจิสดในภาชนะปลอดเชื้อแล้วใช้ กระบอกฉีดยาแบบไม่มีเข็ม ค่อยๆ ใส่เข้าไปในช่องคลอดให้ใกล้กับ ปากมดลูก มากที่สุด แนวทางนี้เป็นทางเลือกที่ เป็นส่วนตัวประหยัด และ ควบคุมเวลาได้เอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นก่อนเข้าสู่บริการในคลินิก

หลักการทำงานคืออะไร

ลักษณะนี้เทียบได้กับ การฉีดเชื้อบริเวณปากมดลูก (intracervical insemination: ICI) ซึ่งต่างจากการฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูกในคลินิก (IUI) เพราะ ไม่ได้มีขั้นตอน “ล้าง/เตรียมอสุจิ” ในห้องปฏิบัติการ จึงทำได้ง่ายและต้นทุนต่ำกว่า แต่ผลสำเร็จต่อรอบมักต่ำกว่าและพึ่งพา ความสะอาด และ จังหวะเวลาไข่ตก เป็นหลัก

ทำความเข้าใจ “หน้าต่างเจริญพันธุ์” ของรอบเดือนได้จากคำอธิบายที่อ่านง่ายของ NHS: Fertility in the menstrual cycle (NHS) และภาพรวม IUI จากหน่วยงานกำกับของสหราชอาณาจักร: HFEA: Intrauterine insemination (IUI).

อุปกรณ์และการเตรียมการ

  • ภาชนะปลอดเชื้อใช้ครั้งเดียว (เช่น ถ้วยเก็บตัวอย่าง)
  • กระบอกฉีดยา 5–10 มิลลิลิตร แบบไม่มีเข็ม (หัวต่อแน่นชนิด Luer-lock จะถนัดมือ)
  • ถุงมือใช้ครั้งเดียว น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิว และตัวจับเวลา
  • ชุดทดสอบการตกไข่ (LH) หรือเครื่องติดตามฮอร์โมน
  • สารหล่อลื่นที่เป็นมิตรต่ออสุจิ (ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น)

ข้อควรหลีกเลี่ยง: ห้ามใช้ถุงยางอนามัยทั่วไปเพื่อเก็บตัวอย่าง (สารหล่อลื่น/สารฆ่าอสุจิอาจทำลายการเคลื่อนไหวของอสุจิ), ห้ามใช้น้ำลายหรือเจลหล่อลื่นทั่วไปที่ไม่ได้ระบุว่าปลอดภัยสำหรับการเจริญพันธุ์

โอกาสสำเร็จ (ประเมินอย่างจริงจัง)

ข้อมูลวิจัยเฉพาะการทำที่บ้านมีจำกัด แต่ในทางปฏิบัติมักอ้างช่วงความสำเร็จประมาณ 5–15% ต่อรอบ เมื่อจับจังหวะและรักษาความสะอาดได้ดี ตัวเลขนี้เป็นเพียงแนวโน้ม ไม่ใช่การรับประกัน ผลลัพธ์ขึ้นกับอายุคุณภาพอสุจิ ความถี่การลอง และภาวะสุขภาพพื้นฐาน

ขั้นตอนทีละขั้น

  1. จัดเตรียมและทำความสะอาด: ล้างมือให้สะอาด ทำความสะอาดพื้นผิว เตรียมอุปกรณ์ปลอดเชื้อแบบใช้ครั้งเดียว
  2. เก็บตัวอย่าง: ผู้บริจาคหลั่งลงภาชนะปลอดเชื้อโดยตรง (ไม่ใช้ถุงยาง/น้ำลาย/เจลทั่วไป)
  3. พักตัวอย่าง: ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 10–15 นาที ให้เหลวสม่ำเสมอ (liquefaction)
  4. ดูดเข้ากระบอก: ค่อยๆ ดูดขึ้น 5–10 มล. ไล่ฟองอากาศใหญ่ด้วยการเคาะเบาๆ
  5. ท่าและการใส่: ผู้รับนอนหงาย ยกเชิงกรานเล็กน้อย สอดปลายกระบอก ประมาณ 3–5 ซม. แล้วกดลูกสูบอย่างช้าๆ ไปทางปากมดลูก
  6. พัก: นอนนิ่งๆ 20–30 นาที

การจัดการเวลา: ทำงานอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ใช้ตัวอย่างให้เสร็จ ภายใน ~30 นาที (ช้าที่สุดราว 60 นาที) หลีกเลี่ยงความร้อน/ความเย็นจัด และการเขย่า แนวทางนี้สอดคล้องกับมาตรฐานแล็บใน WHO Laboratory Manual 2021

อุปกรณ์การฉีดเชื้อที่บ้าน: กระบอกฉีดยาแบบไม่มีเข็ม ภาชนะปลอดเชื้อ ถุงมือ และแถบทดสอบ LH
ง่ายแต่ต้องเป๊ะ: อุปกรณ์ปลอดเชื้อแบบใช้ครั้งเดียว + จับเวลาแม่นยำ = เพิ่มโอกาสสำเร็จ

จังหวะเวลา & เคล็ดลับ

  • เริ่มภายใน 6–12 ชั่วโมงหลังชุดตรวจ LH ให้ผลบวก และพิจารณาทำซ้ำอีกครั้งหลังจากนั้นประมาณ 12 ชั่วโมง เพื่อครอบคลุมช่วงไข่ตก
  • เก็บตัวอย่างไว้ใกล้อุณหภูมิร่างกาย อย่าอุ่น/แช่เย็นโดยตรง และ อย่ากดลูกสูบแรง
  • ใช้สารหล่อลื่นที่ระบุว่า “เป็นมิตรต่ออสุจิ” เท่านั้น และใช้เท่าที่จำเป็น
  • จดบันทึกรอบเดือน ผล LH และเวลาที่ทำ เพื่อปรับแผนในรอบถัดไป

พื้นฐานหน้าต่างเจริญพันธุ์ดูได้จาก NHS ซึ่งอธิบายกระชับและเข้าใจง่าย: Fertility in the menstrual cycle

เปรียบเทียบกับ IUI และ IVF

วิธีสถานที่การเตรียมอสุจิการประเมินทั่วไปข้อสังเกต
ฉีดเชื้อที่บ้าน (ลักษณะ ICI)ที่บ้านไม่มีประมาณ 5–15% ต่อรอบ (ขึ้นกับเวลา/ความสะอาด)ประหยัด เป็นส่วนตัว ต้องวางแผนเองละเอียด
IUI (ฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก)คลินิกมีโดยทั่วไปสูงกว่าการทำที่บ้านมีการคัดเตรียมอสุจิและกำกับเวลาโดยผู้เชี่ยวชาญ – ดู HFEA
IVF (เด็กหลอดแก้ว)คลินิกมีอัตราสำเร็จต่อรอบสูงกว่า (ขึ้นกับอายุ/ข้อบ่งชี้)ค่าใช้จ่ายและขั้นตอนสูง แต่ควบคุมกระบวนการได้มาก

ความปลอดภัยและการตรวจ

ก่อนเริ่ม ควรมีผลตรวจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นลบและเป็นปัจจุบันทั้งสองฝ่าย ได้แก่ HIV ไวรัสตับอักเสบบี/ซี ซิฟิลิส หนองใน และหนองในเทียม ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อแบบใช้ครั้งเดียว ล้างมือ/ทำความสะอาดพื้นผิวทุกครั้ง หากมีอาการผิดปกติ (ปวดมาก ไข้ กลิ่นผิดปกติ) ให้หยุดและปรึกษาแพทย์

ข้อมูลภาพรวมภาวะมีบุตรยากและทางเลือกการรักษาทั่วโลก: WHO: Infertility fact sheet และมาตรฐานแล็บด้านตัวอย่างอสุจิ: WHO Laboratory Manual 2021

ประเด็นกฎหมายในประเทศไทย (สรุปย่อ)

ประเทศไทยมีกฎหมายเฉพาะด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ซึ่งกำหนดกรอบการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้มงวดและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้เซลล์สืบพันธุ์ผู้บริจาค/การตั้งครรภ์แทน บทวิเคราะห์บริบทและพัฒนาการด้านกฎหมายที่เข้าใจง่าย (ภาษาอังกฤษ) ดูได้ที่บทความทบทวนเชิงวิชาการ: The Changing Profile of Surrogacy in Thailand และ Non-commercial Surrogacy in Thailand (2020)

ข้อควรทราบ: การตกลงกับผู้บริจาครู้จักนอกสถานพยาบาลอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางกฎหมายเรื่องการรับรองบุตร/สิทธิหน้าที่ของบิดามารดา แนะนำให้ปรึกษา สูติ-นรีแพทย์ และ นักกฎหมายครอบครัว ในพื้นที่ก่อนเริ่มดำเนินการ และตรวจสอบขั้นตอนการจดทะเบียน/การยอมรับบุตรตามกฎหมายไทยที่ใช้บังคับจริงในช่วงเวลานั้น

ควรพบแพทย์เมื่อใด

  • อายุต่ำกว่า 35 ปี: ยังไม่ตั้งครรภ์หลังลอง 12 เดือน โดยจับจังหวะแล้ว
  • อายุ 35 ปีขึ้นไป: ประเมินเพิ่มเติมหลัง ~6 เดือน
  • ทันที เมื่อมีรอบเดือนผิดปกติชัดเจน สงสัยไม่มีการตกไข่ ปวดรุนแรง มีไข้ หรือมีโรคประจำตัว เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS) หรือโรคไทรอยด์

แนวคิดเรื่องหน้าต่างเจริญพันธุ์และการวางแผนเวลา: NHS: Fertility in the menstrual cycle

สรุป

การฉีดเชื้อที่บ้านเป็นทางเลือกที่ทำได้จริงเมื่อเตรียมอุปกรณ์ปลอดเชื้อให้พร้อม จับเวลาไข่ตกแม่นยำ และจัดการตัวอย่างอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล การจดบันทึกและปรับแผนในแต่ละรอบช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ หากยังไม่บรรลุผลหลังลองหลายรอบ ควรประเมินทางคลินิกและพิจารณา IUI/IVF ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ โปรดติดตามข้อมูลทางกฎหมายและแนวปฏิบัติจากหน่วยงานรัฐ/วิชาชีพที่อาจปรับปรุงได้เสมอ

ข้อจำกัดความรับผิด: เนื้อหาใน RattleStork มีไว้เพื่อข้อมูลและการศึกษาโดยทั่วไปเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ กฎหมาย หรือวิชาชีพ และไม่รับประกันผลลัพธ์ใด ๆ การใช้ข้อมูลนี้เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้เอง ดู ข้อจำกัดความรับผิดฉบับเต็ม.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คือการเก็บน้ำอสุจิสดในภาชนะปลอดเชื้อ แล้วใช้กระบอกฉีดยาแบบไม่มีเข็มหรือสายคาทีเตอร์นุ่มๆ ค่อยๆ ใส่ไว้ในช่องคลอดให้ใกล้ปากมดลูกมากที่สุด (รูปแบบ ICI) โดยไม่มีการ “ล้างอสุจิ” เหมือน IUI และไม่ใช่กระบวนการในห้องแล็บอย่าง IVF จึงเรียบง่าย ประหยัด และเป็นส่วนตัวกว่า แต่โอกาสสำเร็จต่อรอบมักต่ำกว่าและพึ่งพาจังหวะเวลาและความสะอาดมากกว่า

ผู้หญิงโสด คู่หญิง-หญิง หรือคู่รักที่มีอุปสรรคต่อการมีเพศสัมพันธ์/การสอดใส่ หรืออยากเริ่มแบบประหยัดและควบคุมเวลาได้เองก่อนพิจารณาวิธีทางคลินิก ทั้งนี้หากมีโรคประจำตัวหรือพยาธิสภาพทางนรีเวชควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ภาชนะปลอดเชื้อใช้ครั้งเดียว กระบอกฉีดยา 5–10 มล. แบบไม่มีเข็ม (หัวยึดแน่นเช่น luer-lock) หรือคาทีเตอร์นุ่มสำหรับใส่ LH test ถุงมือใช้ครั้งเดียว น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิว และตัวจับเวลา หากจำเป็นจึงใช้สารหล่อลื่นชนิดเป็นมิตรต่ออสุจิเท่านั้น

ให้ผู้บริจาคหลั่งลงภาชนะปลอดเชื้อโดยตรง หลีกเลี่ยงถุงยางอนามัยทั่วไป น้ำลาย และเจลหล่อลื่นที่ไม่ระบุว่าเป็นมิตรต่ออสุจิ เพราะอาจทำลายหรือรบกวนการเคลื่อนไหวของอสุจิได้

โดยทั่วไปพักที่อุณหภูมิห้อง 10–15 นาทีเพื่อให้เกิด liquefaction ตัวอย่างจะสม่ำเสมอและดูดเข้ากระบอกได้ไหลลื่นขึ้น ไม่ควรเร่งด้วยการอุ่น/แช่เย็นโดยตรงหรือเขย่าแรงๆ

ในการใช้งานจริงมักอ้างอิงช่วงประมาณ 5–15% ต่อรอบ หากจับจังหวะไข่ตกได้ดี รักษาความสะอาด และจัดการตัวอย่างรวดเร็ว โอกาสสำเร็จขึ้นกับอายุ คุณภาพน้ำอสุจิ ความแม่นยำในการจับเวลา และจำนวนรอบที่ลอง

หลายคนตั้งครรภ์ภายใน 3–6 รอบที่จับเวลาถูกต้อง หากอายุต่ำกว่า 35 ปีและยังไม่สำเร็จหลัง 12 เดือน หรืออายุ 35 ปีขึ้นไปและยังไม่สำเร็จหลังประมาณ 6 เดือน ควรประเมินเพิ่มเติมกับแพทย์และพิจารณา IUI/IVF ตามความเหมาะสม

เริ่มภายใน 6–12 ชั่วโมงหลังจากชุดตรวจ LH ให้ผลบวก และทำซ้ำอีกราว 12 ชั่วโมงถัดมาเพื่อครอบคลุมช่วงไข่ตกให้มากที่สุด สามารถใช้ข้อมูลมูกปากมดลูกและอุณหภูมิพื้นฐานร่วมกับ LH เพื่อเพิ่มความแม่นยำได้

นอนพัก 20–30 นาที โดยยกเชิงกรานเล็กน้อย จากนั้นสามารถลุกทำกิจวัตรได้ตามสบายหากไม่มีอาการผิดปกติ

สอดปลายกระบอกประมาณ 3–5 ซม. แล้วกดลูกสูบอย่างช้าและสม่ำเสมอไปทางปากมดลูก หลีกเลี่ยงแรงดันสูงหรือการกดเร็วๆ และพยายามไล่ฟองอากาศใหญ่ก่อนใส่เสมอเพื่อความสบายและการวางตัวอย่างที่นิ่ง

เลือกเฉพาะสารหล่อลื่นที่ระบุว่าเป็นมิตรต่ออสุจิและใช้เท่าที่จำเป็น หลีกเลี่ยงน้ำมัน เจลทั่วไป และน้ำลาย ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของอสุจิลดลง ไม่ควรผสมสารหล่อลื่นในกระบอกเดียวกับตัวอย่างโดยตรง

ทำได้ โดยใส่น้ำอสุจิลงในถ้วยและวางชิดปากมดลูกไว้ช่วงสั้นๆ แต่ต้องอาศัยความชำนาญและตำแหน่งอาจไม่แม่นเท่ากระบอกหรือคาทีเตอร์ ซึ่งควบคุมปริมาณและจุดวางได้ดีกว่าโดยทั่วไป

ควรใช้ภายในประมาณ 30 นาที และไม่ควรช้ากว่า 60 นาทีหลังเก็บ เก็บไว้ใกล้อุณหภูมิร่างกาย หลีกเลี่ยงการอุ่นหรือแช่เย็นโดยตรงและการเขย่าแรงๆ ซึ่งทำให้อสุจิเสียหายได้

ขนาด 5–10 มล. ให้การควบคุมดีและไม่ดูดลมหรือสร้างแรงดันสูงเกินไป หัวแบบ luer-lock ช่วยให้สวมคาทีเตอร์นุ่มได้แน่นขึ้น เสมอภาคต่อการใส่และถอด

ส่วนมากไม่เจ็บ อาจรู้สึกตึงหรือเสียดเล็กน้อยที่ช่องคลอด ความเสี่ยงหลักคือการติดเชื้อ (หากอุปกรณ์ไม่ปลอดเชื้อ) และการระคายเคืองจากการกดแรงหรือเร็วเกินไป ควรทำเบามือและหยุดทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ

ควรมีผลตรวจที่เป็นปัจจุบันและเป็นลบสำหรับ HIV ไวรัสตับอักเสบบี/ซี ซิฟิลิส หนองใน และหนองในเทียม ทั้งผู้บริจาคและผู้รับ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

คุณภาพน้ำอสุจิ (ความเข้มข้น การเคลื่อนไหว รูปร่าง) และการงดเว้น 2–3 วันก่อนบริจาคอาจช่วยปรับสมดุลปริมาณและการเคลื่อนไหว หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อน/ซาวน่าและแอลกอฮอล์ก่อนเก็บตัวอย่าง

การทำ 2 ครั้งรอบผลบวกของ LH (เช่น เย็นวันนั้นและเช้าวันถัดไป) ช่วยครอบคลุมช่วงไข่ตกให้มากขึ้นและนิยมใช้กัน ต้องเตรียมอุปกรณ์ปลอดเชื้อคนละชุดสำหรับแต่ละครั้ง

หลังดูดตัวอย่างขึ้น ค่อยๆ เคาะกระบอกเพื่อไล่ฟองอากาศใหญ่และดันขึ้นไปด้านบนก่อนใส่ เพื่อลดแรงดันและความไม่สบายระหว่างการใส่

ปริมาณหลั่งทั่วไป 2–5 มล. ไม่มีค่าขั้นต่ำตายตัว สิ่งสำคัญกว่าคือคุณภาพและจังหวะเวลาที่เหมาะสม ไม่ควรเจือจางตัวอย่างโดยไม่จำเป็น

ทำได้ แต่การเคลื่อนไหวหลังละลายมักลดลง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำการละลายจากธนาคารอสุจิอย่างเคร่งครัดและใส่ทันที ทั้งนี้ในทางปฏิบัติการใช้ตัวอย่างสดมักให้โอกาสสำเร็จสูงกว่าในการทำที่บ้าน

ตรวจการตั้งครรภ์เมื่อถึงกำหนดรอบเดือนที่คาดไว้ หากตรวจเร็วเกินไปอาจให้ผลลบลวงได้ สำหรับรอบไม่สม่ำเสมอให้รอประมาณ 12–14 วันหลังคาดว่าไข่ตก

จับเวลาช้าเกินไป กดลูกสูบเร็วหรือแรง มีฟองอากาศ ไม่ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อ ใช้เจลที่ไม่เป็นมิตรต่ออสุจิ และไม่วางแผนล่วงหน้า แก้ไขโดยเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม จดบันทึกเวลาและอาการไข่ตก และทำอย่างใจเย็นเป็นขั้นตอน

ไม่ควร ทุกชิ้นควรเป็นชนิดใช้ครั้งเดียว การใช้ซ้ำเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อและปนเปื้อนที่มองไม่เห็น ควรทิ้งอย่างปลอดภัยหลังใช้งานเสมอ

วันของรอบเดือน ผล LH เวลาเก็บและเวลาใส่ตัวอย่าง ลักษณะมูกปากมดลูก อาการของการตกไข่ และข้อสังเกตต่างๆ เพื่อช่วยปรับแผนและเพิ่มความแม่นยำในรอบถัดไป

หากมีปวดรุนแรง ไข้สูง กลิ่นผิดปกติ ตกขาวมีสีผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติ ให้หยุดกิจกรรมและติดต่อพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อหรือการระคายเคือง

กรณีตกลงกับผู้บริจาครู้จักนอกสถานพยาบาล อาจมีประเด็นเรื่องการยอมรับบุตร สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดา และการจดทะเบียน ให้ปรึกษานักกฎหมายครอบครัวและตรวจสอบขั้นตอนกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทภายหลัง

โฟกัสที่การจับเวลาให้ตรงช่วงไข่ตก ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อทุกชิ้น จัดการตัวอย่างเร็วและนุ่มนวล พัก 20–30 นาทีหลังใส่ตัวอย่าง ดูแลสุขภาพทั่วไปให้ดี และวางแผนล่วงหน้า หากสะดวกอาจทำ 2 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมงรอบ LH บวก

อุปกรณ์พื้นฐานที่บ้านมีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับ IUI/IVF ที่มีค่าบริการทางการแพทย์และแล็บเพิ่มขึ้นตามขั้นตอน ทั้งนี้ราคาแตกต่างกันตามผู้ให้บริการและพื้นที่ ควรสอบถามข้อมูลล่าสุดจากหน่วยบริการโดยตรง

อายุต่ำกว่า 35 ปี: หากยังไม่ตั้งครรภ์หลังลองอย่างมีการจับเวลานาน 12 เดือน อายุ 35 ปีขึ้นไป: ประเมินหลังประมาณ 6 เดือน หรือพบแพทย์ทันทีเมื่อมีรอบเดือนผิดปกติอย่างชัดเจน สงสัยไม่มีการตกไข่ ปวด/ไข้ หรือมีภาวะเช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ PCOS หรือโรคไทรอยด์